วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทความเรื่อง Web/Library 2.0 จาก ศูนย์บริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ


ก้าวสู่ห้องสมุด 2.0 (Library 2.0) ได้อย่างไร
เขียนโดย Boonlert Aroonpiboon  
Library 2.0 คืออะไร ลักษณะใดของห้องสมุดจึงจะเรียกว่าเป็นการพัฒนาเพื่อก้าวสู่ Library 2.0 ประเทศไทยก้าวสู่ยุค Library 2.0 แล้วหรือยัง และอีกหลายๆ คำถามที่บรรณารักษ์ ผู้บริหารห้องสมุด และสำนักวิทยบริการต่างๆ ต้องการคำตอบที่ชัดเจนLibrary 2.0 กล่าวให้เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาเว็บไซต์บริการ/ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของห้องสมุด สำนักวิทยบริการต่างๆ ที่เน้นการโต้ตอบกับผู้ใช้ การทำงานร่วมกัน ตลอดจนการนำเสนอด้วยสื่อมัลมีเดียที่เหมาะสม ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จึงนับเป็นการให้บริการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตนั่นเอง
การให้บริการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางค่อนข้างจะเข้าใจยากไปบ้าง แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นก็คงจะหมายถึงการจัดทำเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ไม่ได้เพียงแต่เข้ามาดูว่าเว็บห้องสมุดมีอะไรบ้าง ใครเป็นผู้บริหาร หน้าตาอย่างไร และเปิด/ปิดเมื่อไร แต่ผู้ใช้ควรมีส่วนร่วมในการติชม แนะนำบริการ และสร้างสรรค์เนื้อหาร่วมกับบุคลากรของห้องสมุดได้ด้วย โดยการให้สิทธิ์นี้ก็คงแล้วแต่นโยบายของหน่วยงานเอง
ตัวอย่างง่ายๆ ในการก้าวสู่ห้องสมุด 2.0 ก็คือ การพัฒนาเว็บไซต์ที่เน้นสื่อมัลติมีเดีย และเนื้อหาสาระที่มีคุณค่าต่อผู้ใช้ มากกว่าข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมา รูปแบบการให้บริการ โครงสร้างองค์กร เวลาเปิด/ปิด ดังนั้นบุคลากรของห้องสมุดจะต้องเปิดใจร่วมกันสร้างสรรค์ความรู้ที่ตนมีความเชี่ยวชาญเผยแพร่ และให้บริการในเชิงรุกอย่างแท้จริง ใครถนัดฐานข้อมูลออนไลน์ ก็ไ่ม่ใช่นั่งรอให้ผู้ใช้เข้ามาขอใช้บริการ แต่ควรจะรุกหาผู้ใช้โดยการศึกษาถึงความต้องการ เช่น ปัจจุบันมีเนื้อหาใด หรือหัวข้อใดที่กำลังกล่าวถึง ก็นำเนื้อหาหรือหัวข้อดังกล่าวมาสืบค้นเบื้องต้นจากฐานข้อมูลออนไลน์ และสรุปเป็นข้อมูลหรือสาระความรู้ที่เหมาะสมเผยแพร่ให้ทันต่อสถานการณ์
หรือการเปิดช่องทางสื่อสาร ถามตอบแแบบเรียวไทม์ (Real time) ด้วยบริการ ICQ, MSN ระหว่างผู้ใช้ห้องสมุดกับบุคลากรห้องสมุด ซึ่งปัจจุบันก็เห็นชัดว่าบุคลากรห้องสมุดจริงๆ ก็เล่น ICQ หรือ MSN กันระหว่างกันอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มาถาม/ตอบอย่างเป็นทางการนั่นเอง
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้ใ้ช้ที่มีความสนใจในการขีดๆ เขียนๆ ร่วมกันสร้างสรรค์เนื้อหาได้อีกด้วย เช่น การเปิดเว็บไซต์ Blog หรือ Wiki ของห้องสมุด อย่างไรก็ตามการดำเนินการในรูปแบบนี้ นับว่าทำได้ยากมากในประเทศไทย ด้วยเหตุผลความปลอดภัยของระบบ และมารยาทของผู้เขียนเอง
อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยี CMS (Content Management System) และ Blog ทำให้การนำเสนอเนื้อหาจากสมาชิก หรือผู้ใช้ไม่เสี่ยงมากนัก โดยการเปิดระบบเขียนหรือแสดงความคิดเห็นที่ต้องผ่านการตรวจสอบด้วยผู้ดูแลระบบ หรือจะใช้บริการฟรี Blog เช่น wordprees.com, blog.com ก็ได้ครับ
นอกจากนี้เว็บไซต์ห้องสมุด ควรรองรับเทคโนโลยี RSS ทั้งผู้ให้และผู้รับ กล่าวคือ ทุกเนื้อหาในเว็บไซต์ควรสามารถแปลงเป็น RSS ได้ทันที และอนุญาตให้หน่วยงานอื่นหรือผู้ใช้อื่นมาติดตามข่าวสารผ่าน RSS News ได้ทันที หรือจะดึงข้อมูล RSS จากแหล่งอื่นมาเผยแพร่ก็ได้ ทั้งหมดนี้เป็นความสามารถเด่นของ CMS และ Blog อยู่แล้วครับ
เนื้อหาหมวดหนึ่งที่เว็บไซต์ห้องสมุดมักจะต้องเผยแพร่ก็คือ หนังสือแนะนำ วารสารแนะนำ หรือสื่อโสตฯ ใหม่ๆ ซึ่งกรณีนี้ก็อาจจะเพิ่มความสามารถแนะนำคำค้นโดยผู้ใช้ที่เรียกว่า Tag ก็ได้ ซึ่งจะทำให้ได้คำค้น หรือ Subject heading ของสื่อนั้นๆ เพิ่มขึ้นและตรงกับความต้องการของผู้ใช้
ดังนั้้นห้องสมุด 2.0 ไม่ใช่เพียงแค่รอให้ผุ้ใช้มาสืบค้น แต่จะต้องรุกหาผู้ใช้ด้วย สร้างช่องทางแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุด เช่น
  1. เปลี่ยนจากระบบอีเมล์หรือ FAQ เป็นการให้บริการด้วย ICQ หรือ MSN  
  2. เปลี่ยนจากเนื้อหานำเสนอด้วยข้อความอย่างเดียว เป็นการให้บริการด้วยสื่อโต้ตอบ หรือสื่อเสมือนจริง
  3. เปิด Blog หรือ Wiki เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ แลกเปลียนความรู้
  4. คำค้นจากผู้ใช้ (Tag) มีความสำคัญพอๆ กับ Controled Term 
  5. เปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเว็บไซต์แบบธรรมดา หรือจ้างพัฒนาราคาแพง แต่เลือกใช้ความสามารถของ CMS ที่เหมาะสมในกลุ่ม Open Source ที่มีให้เลือกได้หลากหลาย
ลองดูน่ะครับ ศูนย์บริการความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้กับทุกท่าน



ขอขอบคุณ

http://www.stks.or.th/web/index.php?option=com_content&task=view&id=1751&Itemid=132

เอื้อเฟื้อข้อมูล


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น