บริการแนะนำ (Guidance Services)
มีลักษณะเหมือนกับบริการสอนการใช้ แต่มีความแตกต่างกันคือ เน้นการให้ความช่วยเหลือในขณะสืบค้น การเลือกทรัพยากรสารสนเทศที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า ซึ่งห้องสมุดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยนิยมให้บริการ แต่มักจะพบเห็นได้ในห้องสมุดประชาชนที่มีให้บริการ
ประเภทของบริการแนะนำ
บริการแนะนำการอ่าน เป็นการช่วยเหลือสารสนเทศที่เหมาะสมกับผู้ใช้ หรือแนะนำการเลือกสารสนเทศ โดยบรรณารักษ์ หรือ บรรณารักษ์อ้างอิงคอยให้บริการ หรือภาพยนต์สั้นแนะนำหนังสือก็ได้ เพื่อดึงความสนใจให้กับผู้ใช้ หรือแบบสอบถามเพื่อเลือกหนังสือให้ก็ได้
บริการการอ่านบำบัด เป็นการบริการเพื่อปรับปรุง และพัฒนาจิตใจ ความคิด เนื่องจากหนังสือเป็นการส่งเสริมที่สามารถผ่อนคลายอารมณ์ ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน ช่วยฟื้นฟูและพัฒนาด้านจิตใจได้ ซึ่งมักจะต้องทำควบคู่กับผู้รู้ด้านจิตวิทยา
บริการปรึกษาแนะนำทำรายงาน ช่วยเหลือแนะนำแนวทางในการค้นคว้า และการทำรายงานในแบบฟอร์มที่ถูกต้องทางวิชาการ พบมากในห้องสมุดโรงเรียน และห้องสมุดวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย
บริการช่วยเหลือการวิจัย เป็นบริการหนึ่งที่กำหนดให้มีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารที่ต้องการ เนื่องจากมีการผลิตสารสนเทศมากมายตลอดเวลา ทำให้ผู้ใช้ตามสารสนเทศได้ไม่ครอบคลุมทั้งหมด ในขณะที่บรรณารักษ์สามารถรู้แนวทางการได้มา และการเข้าถึงสารสนเทศที่ต้องการ
บริการอื่นๆ เป็นบริการที่ห้องสมุดที่จะเสริมเพื่อให้ผู้ใช้มีการใช้งานมากขึ้น
Web/Library 2.0
เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีห้องสมุดที่ต้องตอบสนองต่อการใช้ผู้ใช้ห้องสมุดใรปัจุจบันที่เข้ามาใช้บริการแบบออนไลน์อย่างมากขึ้น โดยอยู่มุมไหนก็ได้ของโลกโดยไม่ต้องเดินเข้าไปห้องสมุดเพื่อขอเข้าไปใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันนี้ห้องต้องเปลี่ยนแปลงการใช้บริการ เพียงไม่ใช่แค่ที่อ่านหนังสืออย่างเดียวอีกแล้ว โดยที่ Web/Library 2.0 เป็นรูปแบบใหม่ของบริการห้องสมุด ซึ่งจะมีลักษณะคือ
- เป็นเว็บแห่งการมีส่วนร่วม
- มุ่งเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างมีวัตถุประสงค์และต่อเนื่อง
- ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมกับการให้บริการของห้องสมุดผ่านระบบห้องสมุดอัตโนมัติ เช่น User Comment, Tag และ Rating Feed User-created Content
ซึ่งที่มาของแนวคิดของการบริการนี้มาจาก พฤติกรรมผู้ใช้เปลี่ยน พัฒนาการ IT ตามกฎของพาเรโต” (Pareto Principle) /"80/20 rule" และความคิดแบบเศรษฐศาสตร์หางแถว(ยาว)(The Long Tail) จึงทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Web 2.0 และเกิดเป็น Library 2.0 ในที่สุด
โดยองค์ประกอบของ Library 2.0 ประกอบไปด้วย
1. มีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง ผู้ใช้ควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาเนื้อหาและบริการให้สอดคล้องตามความต้องการของผู้ใช้
2. จัดให้มีการใช้ทรัพยากรในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ และสื่อเสียง ทั้งนี้ในอนาคตห้องสมุดแบบกายภาพจะลดลง และห้องสมุดเสมือนจะมีบทบาทมาก
3. สร้างสังคมการสื่อสาร จัดให้มีการสื่อสาร 2 ทางระหว่างผู้ใช้ และผู้ใช้ และ ผู้ใช้กับผู้บริการ ทั้งการสื่อสารทางเดียว (asynchronous) เช่น wikis และ โต้ตอบ (synchronous)เช่น IM
4. การสร้างสรรค์สังคม ห้องสมุดเป็นสถาบันบริการสาธารณะ จึงต้องมีความเข้าใจสภาพการปรับเปลี่ยนของสังคมที่ให้บริการ แต่ไม่ใช่บรรณารักษ์เท่านั้น ผู้ใช้จะต้องมีส่วนร่วมด้วยในการปรับเปลี่ยน โดยต้องคำนึงต่อสังคมส่วนรวม พร้อมๆ กับความต้องการส่วนบุคคล
โดยรูปของการบริการต่างๆของ Web/Library 2.0 มักจะใช้เครื่องมือต่างๆที่ใช้งานต่าง เช่น
· ใช้ RSS, Wikis และ Blogs ในการพัฒนาบุคลากร แจ้งข่าววิจัย
· การพัฒนา extension เพื่อให้ผู้ใช้ tag หนังสือได้โดยตรงจาก Library Catalog ของ เช่น PennTags ของ University of Pennsylvania
· การใช้เทคโนโลยี web 2.0 ที่ให้บริการอยู่ในอินเตอร์เน็ตมาใช้ เช่น
– ใช้ Flickr โดยเปิด account ของห้องสมุด การสร้าง group ใน Flickr เพื่อสร้าง digital collection เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย/องค์กร ของ National Library of Australia เช่น Picture Australia,
– หรือการ link authority record ของ Library Catalog กับ Wikipedia เช่น Biz Wiki ของห้องสมุด Ohio University
– หรือการใช้เครือข่ายทางสังคมต่างๆ เช่น Facebook, Twitter เป็นต้น
• การใช้เวอร์ชวลเรียลลิตี (virtual reality) เป็นสภาพแวดล้อมที่จำลองโดยคอมพิวเตอร์ สภาพแวดล้อมในความเป็นจริงเสมือนส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งที่เกี่ยวกับการมองเห็น แสดงทั้งบนจอคอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์แสดงผลสามมิติ แต่การจำลองบางอันยังรวมไปถึงข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสด้วย เช่น เสียงจากลำโพงหรือหูฟัง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น